การวิจัยเป็นกระบวนการสำคัญในการได้มาซึ่งความรู้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น นวัตกรรมต่างๆ ที่มีคุณค่า
ช่วยให้สามารถแก้ปัญหา
ปรับปรุง พัฒนาการปฏิบัติงานต่างๆ ในสถานศึกษา
ทั้งทางด้านการจัดการเรียนรู้
การบริหารการศึกษา เป็นต้น ซึ่งได้มีผู้ทำการวิจัยในลักษณะต่างๆ จำนวนไม่น้อย
การจะทำวิจัยสักเรื่องหนึ่ง ก็มิใช่จะว่าง่าย ไม่ว่าการวิจัยนั้นจะทำกับกลุ่มประชากรขนาดเล็ก เช่นการวิจัยในชั้นเรียน หรือกระทำกับกลุ่มประชากรขาดใหญ่ในระดับจังหวัด ระดับเขตพื้นที่ ระดับภาค
และระดับประเทศ เป็นต้น
แต่ไม่เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ได้เรียนรู้ระเบียบวิธีวิจัย สถิติสำหรับการวิจัย หรือได้ผ่านการทำวิจัยมาบ้างพอสมควรแล้ว
หากแต่สำหรับเพื่อนครูบ้านนอกของผมหลายท่าน ถ้าพูดถึง
กล่าวถึง หรือเพียงแค่คิดถึงงานวิจัย ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องของการเข็นครกขึ้นภูเขาขึ้นมาทันที
แม้แต่ครูผู้มีความชำนาญเป็นพิเศษในโรงเรียนที่ผมทำงานอยู่ก็เช่นกัน ท่านก็ยังงงเป็นไก่ตาฟาง คลำทางไม่ถูก
(เพราะงานวิจัยที่ท่านส่งเป็นผลงานทางวิชาการนั้นท่านอ่านเองแล้วไม่เข้าใจ แม้จะอธิบายให้เพื่อนร่วมงานฟัง ฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจ......
อ้าว.....แล้วใครล่ะที่จะอ่านเข้าใจ...)
ในระยะสองปีที่ผ่านมา มีเพื่อนครูสองสามท่าน มาขอความนุเคราะห์แกมบังคับขู่ว่า
ขอให้ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือวิจัยให้ (กระผม, ดิฉัน )
หน่อยเถอะ
เพราะกำลังจะทำผลงานทางวิชาการเพื่อประกอบการส่งคำขอมี/ขอเลื่อนวิทยฐานะ กับเขาบ้าง
ผมก็พยายามบ่ายเบี่ยงโดยอ้างว่ายังไม่มีความชำนาญถึงขั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญดอก ท่านลองไปขอความอนุเคราะห์ผู้รู้ท่านอื่นก่อนเถอะ เขาคงจะมีความชำนาญการหรือเหมาะเป็นผู้เชี่ยวชาญมากกว่าผมเป็นแน่...
แต่.... อนิจจา ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก.... ผมยอมใจอ่อนรับเป็นผู้ (ที่เขาคาดว่า )
เชี่ยวชาญให้กับครูสองสามท่านที่ว่านั้น
โดยมีข้อแม้ว่า
อาจช้าหน่อยน่ะ เพราะขอศึกษาให้ดีๆ
ก่อน
เครื่องมือในการวิจัยนับได้ว่ามีความสำคัญมาก
หรืออาจกล่าวได้เลยว่าเป็นหัวใจของการวิจัยเลยทีเดียว
บุญชม ศรีสะอาด (19 : 2552) ได้จำแนก
เครื่องมือในการวิจัยออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. เครื่องมือในการดำเนินการวิจัย
ได้แก่ เทคนิคเดลฟาย (Delphi Technique ) เทคนิค EFR (Ethnographic Futures
Research: EFR) เทคนิค EDFR
(Ethnographic Delphi Futures Research: EFR) และการสนทนากลุ่ม ( Focus
Group) เป็นต้น
2.
เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลการวิจัย ได้แก่
แบบสอบถาม (Questionnaire) การสังเกตการณ์ ( Observation) การสัมภาษณ์ (Interview) เป็นต้น
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูล
ในการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือนั้น
เป็นการดำเนินการก่อนที่จะนำเครื่องมือไปเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งการตรวจสอบสามารถกระทำได้ 2
แนวทาง ดังนี้
1. แนวทางที่อาศัยเหตุผล
หรืออาจเรียกว่า
การวิเคราะห์ทางกายภาพ เป็นการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยอาศัยหลักการของเหตุผลก่อนที่จะนำเครื่องมือไปใช้จริง
โดยทั่วไปแล้วอาศัยหลักทฤษฎีหรือหลักเกณฑ์หรือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่จะวัดหรือศึกษา
ถ้าท่านผู้เชียวชาญมีความเห็นหรือตัดสินว่า ถูกต้อง
เหมาะสม หรือตรงตามทฤษฎี ก็สามารถนำไปใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้
นอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจะทำการตรวจสอบแล้ว
อาจมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคหรือวิธีการทดสอบหรือวัด
เพื่อพิจารณาว่าเครื่องมือนั้นเหมาะสมกับกลุ่มที่จะไปทดสอบ หรือวัดหรือไม่ เช่น
ข้อคำถามชัดเจนหรือไม่ ภาที่ใช้รัดกุมเหมาะสมหรือไม่ คำสั่งชัดเจนหรือไม่ ความยาวของเครื่องมือเหมาะสมหรือไม่ รูปแบบของเครื่องมือเหมาะสมหรือไม่ ฯลฯ
2. แนวทางที่อาศัยวิธีการทางสถิติ
เป็นการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยอาศัย
ค่าตัวเลขหรือค่าสถิติต่างๆ
วิธีการนี้ต้องนำเครื่องมือไปทดลองใช้
แล้วนำมาคำนวณค่าต่างๆ
เทียบกับเกณฑ์การยอมรับ
ถ้าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
ก็นำไปเก็บรวบรวมข้อมูลได้แต่ถ้าไม่อยู่ในเกณฑ์การยอมรับควรนำมาปรับปรุงและทดสอบ
ในบางเทคนิคอาจพิจารณาค่าสถิติจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญก็ได้ เช่น
การพิจารณาค่าความสอดคล้อง เป็นต้น เครื่องมือที่ใช้ในการวัดความยาวของวัตถุ ถ้าวัดความยาวชิ้นหนึ่งหลายๆ ครั้ง
ได้ความยาวคงเดิมเสมอ
หรือไม่แตกต่าง
หรือคลาดเคลื่อนไปบ้าง
โดยที่ความคลาดเคลื่อนนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เช่น
ไม่เกินร้อยละ 5 ( 5%) ก็อาจสรุปได้ว่า เครื่องมือนั้นมีความเหมาะสม เป็นต้น
เอาแค่เกริ่นนำไปก่อนนะครับ... อย่าพึ่งเครียด
คนเก่ง มิได้แปลว่า
คนที่ไม่เคยล้ม แต่คนเก่ง หมายถึง
คนที่กล้าลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้มลงต่างหาก (บูรชัย ศิริมหาสาคร, 58:2552)
ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อครูทุกท่านที่กำลังจะสู้เพื่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พัฒนาอาชีพ
พัฒนาชาติ
สู่การเป็นครูมืออาชีพอย่างแท้จริง.....ครับ....
อ้างอิง
บุญชม
ศรีสะอาด และสุริทอง ศรีสะอาด, การวิจัยเกี่ยวกับการบริหารการศึกษา,
กรุงเทพฯ,
สุวีริยาสาส์น, 2552
บูรชัย
ศิริมหาสาคร, สุภาษิตสอนนาย : ศาสตร์และศิลป์แห่งการเป็นผู้นำ,
กรุงเทพฯ,
สำนักพิมพ์แสงดาว, 2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น