ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๒๕ วัดในตัวเมืองรัตนบุรีมี ๓ วัด คือ วัดใต้บูรพาราม วัดกลาง และวัดเหนือ ผมได้มาอยู่วัดใต้บูรพาราม อาศัยที่ซุกหัวนอนเรียนหนังสือ และข้าวก้นบาตร..ประทังชีวิต..
วัดใต้บูรพาราม
ตอนนั้นมีกุฏิ ๔ หลัง
หลังแรกเรียกว่ากุฏิน้อย
เจ้าอาวาสอยู่ (พระสมุห์ประสงค์
สนฺตจิตโต) หลวงพี่จุล และ ผม
หลังที่สองกุฏิใหญ่
หลวงพี่วิจิตร และพระ เณร
ลูกศิษย์วัดอีกหลายคน
หลังที่สามกุฏิหัวนอน
เป็นกุฏิเล็กใต้ถุนสูง มีหลวงอาทองพูน กับหลวงพี่นัน และเณรอีก ๒
รูป หลังที่สี่กุฏินายอร่าม
(นายอร่าม อามรดิษ ผู้สร้างถวาย) มีหลวงตาชื่น และเณร ๒ รูป
(ขณะนั้นกำลังสร้างกุฏิใหญ่)
ชีวิตลูกศิษย์วัด ทำอะไรบ้าง
ศิษย์วัดทุกคนต้องปฏิบัติงานทุกวัน ห้ามขาด
ห้ามลา ห้ามอู้ เพราะหลวงพ่อเจ้าอาวาสคุมงานเอง กลับจากโรงเรียนค่ำไม่ได้ (จึงไม่มีคนใดได้อยู่ชุมนุมดนตรีเลย ) ภารกิจสำคัญประจำวัน คือ
ภารกิจในการทำความสะอาด ปัด กวาด
เช็ด ถู ตั้งแต่พื้นกุฏิ ลานวัด
ไปจนถึงห้องส้วม
ภารกิจในการพัฒนา ปลูกต้นไม้
ดายหญ้า ขุดร่องน้ำ กำจัดขยะ
ภารกิจไปจ่ายปิ่นโต ไปรับปิ่นโต
เดินบิณฑบาตตามพระแยกเป็นสายๆ
ข้าวที่บิณฑบาตมาจะถูกเทรวมกันแยกออกเป็น ๓ – ๔
กาละมัง
๑ กาละมัง ต่อการฉัน
๑ วง ๆ ละ ๔ – ๖
รูป ฉันเช้า และเพล
เย็นเป็นของศิษย์วัด
บางวัน..ข้าวก้นบาตรบูด...ก็ต้องกิน..ไม่มีทางเลือก...ในยามอด
วันไหนคนใส่บาตรน้อย..กับข้าวเหลือถึงลูกศิษย์...ก็น้อยเต็มที..
ต้องอาศัยอาหารสำรอง คือข้าวบูด
กับปลาแดกสับ..
วันพระใหญ่..วันเข้าพรรษา..และวันสำคัญทางศาสนาไม่อดตาย..ของกินเยอะ
แต่กว่าจะได้กิน..หน้าที่ลูกศิษย์วัด..ต้องอยู่..ช่วยประเคนของถวายพระ...ก็เกือบสามโมงเช้า
ไปโรงเรียนสาย
เจอไม้เรียว อ.สมหมาย เจริญรัตน์
อ.ยนต์ ยงค์รัมย์ ขาประจำจนท่านขี้เกียจตี (ท่านบอกว่า “วันนี้วันพระครูไม่ตีเธอละกัน...” ขอบคุณครับครู..)
ทำบุญเสร็จแล้ว..เวลาพระให้พรญาติโยม...ลูกศิษย์ก็ได้ฟังซึมซับเข้าไปทุกวัน
ฟังพระสวดบ่อยๆ..จนสวดได้คล่องโดยไม่ต้องท่อง..สวดช่วยพระดังๆ..ญาติโยมพอใจ
กลับจากโรงเรียน...แต่ละวัน..หน้าที่หลัก..ต้องเดินเอาปิ่นโต..ไปส่งตามบ้าน
ส่งเสร็จ..รีบกลับมาสุมหัวกันที่กุฏิหลวงพ่อ..เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเย็น
ใครขาดทำวัตรเย็น...มีหวัง..โดนแส้...สายไฟเบอร์
๓๕ ..ของหลวงพ่อ
วันมาฆบูชา วันอาสาฬบูชา
วันวิสาขบูชา เข้าพรรษา ออกพรรษา
ตอนเย็นเวียนเทียน...สาวๆ ข้างวัด..คุ้มใต้ สาวร้านศรีไทย (ประจงจิต) สาวคุ้มบ้านหม้อ
สาวคุ้มห้วย ก็มามาเวียนเทียนที่วัดเยอะเลยสวยๆ ทั้งนั้น
หนุ่มๆ..ลูกศิษย์วัด..จะได้เจอสาวๆ..ก็ตอนเวียนเทียน..นี่แหละน้า...
หนุ่มๆ ลูกศิษย์วัด...ตั้งใจรอคอย..ถึงเวลาเวียนเทียน...
รอบแรก...พุทโธ...รอบสอง..ธัมโม...รอบสาม..สังโฆ รอบสี่ โฮ้หิ้ว...สาวๆ ยิ้มให้
วัดใต้บูรพาราม
เป็นวัดที่มีเมรุเผาศพเพียงวัดเดียวในตอนนั้น ผมอยู่กุฏิเจ้าอาวาส พระ
เณร ศิษย์วัด พากันเรียกผมว่า “เด็กเส้น” (ซึ่งผมไม่ค่อยปลื้มอกปลื้มใจเท่าไหร่เลย)
ผมจึงมีหน้าที่พิเศษต่างจากลูกศิษย์วัดคนอื่น ได้แก่
๑.
เป็นผู้ช่วยสัปเหร่อเผาศพ สัปเหร่อก็คือหลวงพ่อเจ้าอาวาส
ท่านจะไม่ให้ผู้ใดยุ่งเกี่ยวกับเมรุเด็ดขาดนอกจากพระที่ท่านไว้ใจ เพราะท่านกลัวทำเมรุพัง ส่วนผมต้องไปเมรุกับท่านทุกครั้งที่มีการเผาศพ หน้าที่ของผมคือต้องทำตามที่ท่านสั่ง เช่น
เปิดช่องเล็กๆ
ดูซิว่าศพเหลือเยอะไหม ถ่านใกล้หมดหรือยัง
ตลอดจนการใช้เครื่องมือสามง่ามในการพลิกก้อนเนื้อที่เหลือให้ไฟไหม้ กลัวก็กลัว
เหม็นก็เหม็น
วันไหน..มีศพ..มาเผาที่วัด..กรรมของผมอีกแล้ว
๒.
เป็นผู้ให้สัญญาณเวลา ตีสี่ครึ่ง ผมต้องถูกหลวงพ่อปลุกให้ไปตีระฆังอยู่บนหอระฆังปลุกพระเณรให้ลุกขึ้นมาทำวัตรเช้า ตีครั้งใดหมาวัดหอนรับกันเป็นทอดๆ เหมือนเห็นผี
โอ๊ย...กลัวก็กลัว
กลัวจนไม่กลัวแล้ว
ชีวิตลูกศิษย์วัด ๕ ปี
กว่าจะเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ ๕ (ม.ศ. ๕) จากโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดของอำเภอรัตนบุรี
ตื่นเช้า..สวดมนต์ทำวัตร..เดินตามพระไปบิณฑบาตทุกเช้า แม้จนถึงวันนี้ก็ยัง..ไม่เคยลืม..พระคุณ..ข้าวก้นบาตร......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น