บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 25, 2553

กาฝากโรงเรียน



มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนไม่น้อยที่อยู่มานานในตำแหน่งเดิมไม่อยากเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นไป เพื่อนฝูงไปสอบเปลี่ยนสายงานเป็นผู้รองผู้บริหาร เป็นผู้บริหาร หรือทำผลงานทางวิชาการให้มี เลื่อนวิทยฐานะก็ไม่ทำกับเขา ขอให้ทำงานเดิมเงินเดือนเพิ่มทุกปีก็ดีแล้ว ไม่คิดจะก้าวหน้าอะไรไปให้ไกลไปกว่านี้ เพราะชีวิตก็สุขสบายดีแล้ว ในขณะที่ผู้บริหารสถานศึกษาก็คิดว่า ผู้ที่อยู่มานานเป็นผู้ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรามานาน ควรจะเลี้ยงไว้นานๆ ไม่อยากให้ย้ายออกไปไหน เพราะถูกกันดี (ถ้าไม่ถูกกันอยากให้ย้ายออกวันละสิบเที่ยวเป็นอย่างน้อย) และถ้ายังทำงานได้ก็ให้ทำงานต่อไป ผู้บริหารสถานศึกษามักจะคิดว่าคนเก่าคนแก่เหมือนญาติพี่น้อง ถึงดีไม่ดียังไงก็เป็นญาติตัดไม่ขาด อะไรที่อภัยได้ก็ให้อภัยนึกถึงบุญคุณในอดีต ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็อยู่กันไป (ผู้บริหารก็เก่าแก่อยู่กันมานานพอๆ กัน)

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือคนเก่าคนแก่บางคนแรกๆอาจจะทำงานเพื่อรักษาสถานภาพการเป็นข้าราชการครูของตน ทำงานเรื่อยๆ (ไม่ดีไม่เลว) เก็บกินบุญเก่าที่สะสมไว้เยอะ คนบางคนเริ่มทำงานในโรงเรียนเป็นงานรอง แต่งานหลักคือธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน เช่น เปิดกิจการค้าขาย ขายประกัน ขายสินค้าประเภทขายตรง ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คนบางคนเริ่มอาศัยตำแหน่งหน้าที่เป็นประตูสู่การทำงานส่วนตัว คนบางคนเริ่มหมดไฟ หมดฝีมือก็ต้องสร้างบารมีหรืออิทธิพลท้องถิ่นในองค์กร ตลอดทั้งแผ่เข้าไปในชุมชนด้วย เพื่อไว้ใช้ต่อรองกับผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตเผื่อมีปัญหา พูดง่ายๆคือคนเก่าคนแก่บางคนเริ่มออกลายทำให้คนกลุ่มนี้กลายเป็นกาฝากโรงเรียนโดยไม่รู้ตัวคือกินเงินเดือนสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีๆ แต่ผลงานหรือสิ่งที่ตอบแทนคืนให้กับโรงเรียนน้อยและมีแนวโน้มน้อยลงๆทุกปี (สวนทางกับเงินเดือนที่เพิ่มขี้นทุกหกเดือน บางคนชนเพดานแล้ว)
ทั้งหมดนี้ คงจะพอเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าถ้าโรงเรียนใดมองข้ามการลงทุนพัฒนาระบบการบริหารบุคคลมานาน คงจะหนีไม่พ้นที่จะต้องประสบพบเจอกับปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าปัญหาคนในโรงเรียนเปรียบเสมือนโรคของคน บางปัญหาคงจะเป็นโรคที่เรื้อรังรักษาด้วยยาไม่หายแล้วมีทางเดียวคือต้องผ่าตัด และปัญหาบางอย่างเปรียบเสมือนโรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่รักษาไม่หายแน่ๆ ดังนั้น ถ้าโรงเรียนใดยังไม่เจอปัญหาเหล่านี้ อยากแนะนำให้ลองประเมินดูว่าโรงเรียนของท่านมีโอกาสเจอปัญหาเหล่านี้หรือไม่ อีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า ถ้าโรงเรียนใดกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ก็คงจะต้องหาหาวิธีการ หรือหาหมอเฉพาะทางมาทำการรักษาหรือผ่าตัดให้ แต่ต้องมั่นใจว่าวิธีการ หรือหมอที่จะมาทำการรักษานั้นสามารถรักษาได้ถูกโรคด้วยนะครับ เพราะอาการที่โรงเรียนของท่านเป็นอยู่นั้น บางอาการรักษาตามอาการไม่ได้ (เช่น เงินเดือนคนบางคนต่ำกว่าคนอื่น ก็ปรับให้เท่ากัน โดยให้ 1.5 หรือ 2 ขั้นบ่อยๆ ฯลฯ) ต้องมีการวิเคราะห์สาเหตุของโรคให้ดีมิฉะนั้น นอกจากโรคเดิมไม่หายแล้ว ยังจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนใหม่อีกด้วย (เช่น ปรับเงินเดือนคนหนึ่งคนให้สูงขึ้น ทำให้คนที่ทำงานเก่งๆ ทุ่มเท ต้องขอย้ายออกไปสิบคน )

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.peoplevalue.co.th/index.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น